วีออมนิ รุกตลาดอีคอมเมิร์ซ ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำสายเทค
นางสาวดรุณพร จิรกิจอนุสรณ์ ผู้จัดการทั่วไป “วีออมนิ” (WeOmni) บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของ “วีออมนิ” ซึ่งให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซ ภายใต้แอสเซนด์กรุ๊ป ว่า ด้วยกระแสการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล ทำให้วีออมนิมองเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจ ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนให้ทุกองค์กรในทุกอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวและแข่งขันได้
โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลกจะมีการใช้จ่ายในเรื่อง Digital Transformation สูงถึง 112.2 ล้านล้านบาท ในปี 2569 จากในปี 2565 อยู่ที่ 52.8 ล้านล้านบาท เรียกว่าเติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในเวลา 4 ปี ซึ่งถือเป็นโอกาสและความท้าทายที่สำคัญสำหรับภาคธุรกิจ
จากอิทธิพลของ Digital Transformation ที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ ๆ ในหลายอุตสาหกรรม การปรับตัวขององค์กรต่างๆให้พร้อมรับเทคโนโลยี และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งโซลูชันอีคอมเมิร์ซที่ครอบคลุม O2O (Online-to-Offline) และ นวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ จะสามารถสร้างโอกาส “วีออมนิ” ในฐานะผู้พัฒนาแพลตฟอร์มสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ชให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP และ กลุ่มทรูจนประสบความสำเร็จ
ส่งผลให้ปัจจุบัน เรามีความเชี่ยวชาญในการคิดนวัตกรรมใหม่ๆที่ตอบโจทย์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซครบวงจร (Innovative Solution) และพร้อมที่ขยายการบริการไปสู่องค์กรธุรกิจต่างๆ
ภายใต้แบรนด์ WeOmni เน้นให้บริการพัฒนาระบบ eCommerce ให้ทั้ง B2B และ B2C ช่วยต่อยอดพัฒนาธุรกิจให้เติบโต และพร้อมแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศ “วีออมนิ” ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเตรียมพร้อมในการวางแผนโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างดีที่สุด ทั้งการวิเคราะห์ วิจัยตลาด แนวโน้ม และคู่แข่ง ซึ่งจะช่วยการวางแผนคุณสมบัติ ฟังก์ชันการทำงาน และกลยุทธ์โดยรวมให้แก่ผลิตภัณฑ์ ที่ในทุกกระบวนการจะได้รับการพัฒนาแบบ Design Thinking โดยทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
รวมถึงการวางแผนโซลูชันที่ครอบคลุมทุกประสบการณ์และช่องทาง ในรูปแบบ O2O อย่างครบองค์ประกอบ เช่น การสั่งซื้อออนไลน์ การเติมเต็มประสบการณ์และปิดช่องว่างจากออฟไลน์ รวมไปจนถึงระบบโลจิสติกส์ โดยมีการทดสอบก่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับ Employee Experience เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกับพนักงานในบริษัทเช่นกัน เนื่องจากเราให้ความสำคัญกับบุคคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญในการสร้างแพลตฟอร์มและโซลูชันที่เป็นเลิศ ซึ่งรวมเป็นกลยุทธ์ Total Experience (TX) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และบริการให้กับแบรนด์และลูกค้า อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างการทำงานทั้งในและนอกองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับจุดแข็งที่แตกต่างของ “วีออมนิ” (WeOmni) คือ ศักยภาพของการให้บริการที่ครบวงจรซึ่งมีทั้งแบบสำเร็จรูป และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์และได้พัฒนาความเชี่ยวชาญจาก eCommerce Technology มาสู่ Tech company และเป็น Innovative Solution ในปัจจุบัน มีความเชี่ยวชาญด้านแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ แบบครบวงจร
รวมไปถึงเทคโนโลยี คลาวด์ ที่นำมาใช้เป็นเทคโนโลยีหลักในการสนับสนุนการให้บริการทั้ง 4 รูปแบบ ทำให้ WeOmni เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย โดยยังเป็น Partner กับผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำที่ครอบคลุมการให้บริการกว่า 95% ของตลาดทั้งหมด และผลจากการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้งานได้มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการให้บริการในลักษณะ Complete Package Solution (DevOp, CI/CD, security, support) ทำให้ “วีออมนิ” โดดเด่นกว่าผู้ให้บริการรายอื่นของไทย
และด้วยกลยุทธ์การดำเนินงานแบบ Total Experience ที่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญทั้งกับลูกค้าและพนักงาน รวมถึงการใช้ Data Driven และ AI ที่ช่วยใช้ประกอบการตัดสินใจ
ทำให้ “วีออมนิ” อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพาร์ทเนอร์มากมายทั้งในและนอกเครือ ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งธุรกิจการผลิต ธุรกิจค้าปลีกอาหาร พลังงานทดแทน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้ภาคธุรกิจ เช่น การพัฒนาระบบ Online B2B Platform ให้กับ CPF Feed ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในการขยายฐานลูกค้า B2B2C, ขยายเครือข่ายคู่ค้า Online ด้วยการผลักดันให้คู่ค้าในพื้นที่ร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายการขาย เพื่อเชื่อมต่อประสบการณ์การใช้งานในอดีตขึ้นมาสู่ Platform Online ได้ราบรื่น
โปรเจกต์ดังกล่าวช่วยสร้างยอดขายกว่า 4,000 ล้านบาท รวมถึงการพัฒนา Omnichannel ให้กับบริษัท TRUE โดยเชื่อมต่อ Online และ Offline (True Shop) เข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสร้างความแปลกใหม่ทางธุรกิจ
“WeOmni พร้อมที่จะรองรับและให้บริการ ด้วยจุดเด่นของการมีทีมงานนักพัฒนาทักษะขั้นสูงที่ก้าวไปสู่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เราจึงเป็นผู้นำที่พร้อมเติมเต็มโซลูชันและทักษะทั้งหมดให้กับผู้ประกอบการ โดยเราตั้งเป้าที่จะได้ส่วนแบ่งตลาด 5 – 10% จากมูลค่าตลาดรวม 50,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี” นางสาวดรุณพรกล่าว